tag:blogger.com,1999:blog-77424860937781681312024-03-19T04:36:32.479-07:00ระบบเครือข่ายเบื้องต้นploy_beethttp://www.blogger.com/profile/12191122452414013881noreply@blogger.comBlogger2125tag:blogger.com,1999:blog-7742486093778168131.post-64853214002257367102009-06-22T08:55:00.000-07:002009-06-23T09:44:34.371-07:00เครื่องทวนซ้ำสัญญาณ (Repeater)<img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5350187047168748322" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 445px; CURSOR: hand; HEIGHT: 209px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEja7mmwYY9sPZmY3hSiOh9VNizbyt7LBdnnTNdQerCHAsajONw755wZ6-HOtd6zFhLaadCQxnnUortvVmVKsYtRglQwgPnw-PPEkKvGiCfL0LJque7sHS_ai0P7-hol9-dt9gFyuBfMYTKV/s320/464_93305_f456c28aacdb85c.jpg" border="0" /><br /><div><div><div align="center"><span style="font-family:times new roman;font-size:180%;color:#33ff33;"><strong>เครื่องทวนซ้ำสัญญาณ (Repeater)</strong></span><br /></div><div align="left"><br /><span style="font-size:130%;"><span style="font-family:times new roman;">เครื่องทวนซ้ำสัญญาณ (Repeater) เป็นอุปกรณ์ที่ทำงานอยู่ในระดับ Physical Layer </span></span><span style="font-size:130%;"><span style="font-family:times new roman;">ใน </span></span><span style="font-size:130%;"><span style="font-family:times new roman;">OSI Model มีหน้าที่เป็นอุปกรณ์เชื่อมต่อสำหรับขยายสัญญาณให้กับเ</span></span><span style="font-size:130%;"><span style="font-family:times new roman;">ครือข่าย เพื่อเพิ่มระยะทางในการรับส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายให้ไกลออกไปได้กว่าปกติ ข้อจำกัดของรีพีตเตอร์คือ ทำหน้าที่ในการส่งต่อสัญญาณที่ได้รับมาเท่านั้น จะไม่มีการติดต่อกับระบบเครือข่าย และไม่รู้จักลักษณะของข้อมูลที่แฝงมากับสัญญาณเลย</span></span> </div><span style="font-family:times new roman;"><div align="center"><br /><span style="font-size:180%;color:#ff0000;"><strong>การทำงานของRepeater</strong></span></div></span><div align="left"><br /><span style="font-family:times new roman;"></span><span style="font-family:times new roman;font-size:130%;">อุปกรณ์ Repeater ถูกนำมาใช้งานในกรณีที่เครือข่ายนั้นต้องการเพิ่มจำนวนของเครื่องลูกข่ายมากขึ้น แต่ลากสายสัญญาณไม่ได้ เพราะระยะทางจะมากกว่าข้อกำหนดที่ให้ลากสายได้ ยิ่งระยะทางไกลมากสัญญาณที่ถูกส่งออกไปก็จะเริ่มเพี้ยนและจางหายไปในที่สุด อุปกรณ์ Repeater จะช่วยจัดการขยายสัญญาณให้แรงขึ้นและจัดรูปแบบสัญญาณที่เพี้ยนไปให้กลับเหมือนเดิม จากนั้นจึงส่งต่อไปในสายสัญญาณ</span><span style="font-family:times new roman;font-size:130%;"></div></div><div></span><div><span style="font-family:times new roman;font-size:130%;"><br />ข้อเสียของอุปกรณ์ Repeater ก็คือ ไม่สามารถกลั่นกรองสัญญาณที่ไม่จำเป็น (เช่น ข้อมูลที่ผู้รับอยู่ฝั่งเดียวกับผู้ส่ง จึงไม่จำเป็นต้องขยายและส่งต่อออกไปยังเครือข่ายที่อยู่อีกฟากหนึ่ง) ออกไปได้สัญญาณต่างๆที่เข้ามาก็จะถูกส่งออกไปเหมือนเดิม พูดง่ายๆก็คือ ไม่ว่าจะเป็น packet อะไรส่งออกมาในเครือข่าย Repeater จะไม่สนใจที่หมายปลายทางว่าเป็นเครื่องที่อยู่คนละฟากกันหรือไม่ ถ้ามีสัญญาณมาก็จะส่งต่อไปยังอีกฟากหนึ่งให้เสมอ ดังนั้นถ้ายิ่งมีการเชื่อมต่อเครื่องลูกข่ายจำนวนมากเข้ากับ Repeater ที่มีหลายๆพอร์ต ก็จะมีสัญญาณกระจายไปในเครือข่ายมากขึ้นด้วย ทำให้ประสิทธิภาพของเครือข่ายลดลงได้</div><div></div><div></span><span style="font-family:times new roman;font-size:130%;"><br /></div></div><div><div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiNSkCVGLGWq0pPsWtARk1lepytFD5zburpMjc0s5vR4H4ltVyzukZGkYnPTZxxShvnby5HqPMcCg2NWc_fsgju1QKb1Av91bDFBXifmNmhBPOdm61OGO4L1MVFs3J8WPU0YGNjz4Ys9i66/s1600-h/66000.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5350185325957767026" style="WIDTH: 373px; CURSOR: hand; HEIGHT: 326px" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiNSkCVGLGWq0pPsWtARk1lepytFD5zburpMjc0s5vR4H4ltVyzukZGkYnPTZxxShvnby5HqPMcCg2NWc_fsgju1QKb1Av91bDFBXifmNmhBPOdm61OGO4L1MVFs3J8WPU0YGNjz4Ys9i66/s320/66000.jpg" border="0" /></a><br /></div><br /><br /><br /><div align="left"></div></span></div></div>ploy_beethttp://www.blogger.com/profile/12191122452414013881noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-7742486093778168131.post-55009500887989533902009-06-10T02:00:00.000-07:002009-06-22T09:24:25.386-07:00<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhQEN4gDhqgK6CXyZYZyYMX16L7sZqAwQhfgBHUcvoBxeAC-H7VRlNak_58GnGbrFoqm1Mw2Nhw3jMZwMjI6ZyDsevqLnSLeC2cQrBCA8wemYFTQysSsFyoZ94fS1nBqd9gfKD0oR-x9Gxf/s1600-h/19.gif"><span style="color:#006600;"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5345621451167007282" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 408px; CURSOR: hand; HEIGHT: 219px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhQEN4gDhqgK6CXyZYZyYMX16L7sZqAwQhfgBHUcvoBxeAC-H7VRlNak_58GnGbrFoqm1Mw2Nhw3jMZwMjI6ZyDsevqLnSLeC2cQrBCA8wemYFTQysSsFyoZ94fS1nBqd9gfKD0oR-x9Gxf/s320/19.gif" border="0" /></span></a><span style="color:#006600;"> </span><br /><div align="center"><strong><span style="font-family:arial;font-size:180%;color:#006600;"></span></strong></div><div align="center"><strong><span style="font-family:arial;font-size:180%;color:#ff6666;">ระบบเครือข่ายระดับท้องถิ่น</span></strong></div><div align="center"><strong><span style="font-family:Arial;font-size:180%;color:#ff6666;"></span></strong> </div><div align="center"><strong><span style="font-family:Arial;font-size:180%;color:#ff6666;"></span></strong> </div><div align="center"><strong><span style="font-family:Arial;font-size:180%;color:#ff6666;"></span></strong></div><div align="center"><span style="font-family:arial;color:#006600;"></span></div><span style="font-family:arial;color:#006600;">ระบบเครือข่าย LAN<br />ระบบเครือข่ายแบบ LAN หรือระบบเครือข่ายเฉพาะบริเวณ โดยปกติแล้วจะเป็นระบบเครือข่ายส่วนตัว นั่นคือองค์กรที่ต้องการใช้งานเครือข่าย ทำการสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกันเป็นระบบเครือข่ายในระยะใกล้ ๆ ซึ่งจะช่วยให้เกิดประโยชน์แก่องค์กรและธุรกิจต่าง ๆ มากมาย เช่น<br />1. สามารถแบ่งเบาการประมวลผลไปยังเครื่องต่าง ๆ เฉลี่ยกันไป<br />2. สามารถแบ่งกันใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น เครื่องพิมพ์ ซีดีรอมไดรฟ์ เครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง เป็นต้น<br />3. สามารถแบ่งกันใช้งานซอฟต์แวร์และข้อมูลหรือสารสนเทศต่าง ๆ รวมทั้งทำให้สามารถจัดเก็บข้อมูลเหล่านั้นไว้เพียงที่เดียว<br />4. สามารถวางแผนหรือทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มได้ แม้จะไม่ได้อยู่ใกล้กันก็ตาม<br />5. สามารถใช้ในการติดต่อกัน เช่น ส่งจดหมายทางอิเลคทรอนิคส์ หรือการส่งเสียงหรือภาพทางอิเลคทรอนิคส์ เป็นต้น<br />6. ช่วยลดค่าใช้จ่ายโดยรวมขององค์กร<br />โครงสร้างของระบบเครือข่าย (Network Topology) แบบ LAN<br />--โครงสร้างแบบดาว (Star Topology)<br />-- โครงสร้างแบบบัส (Bus Topology)</span><br /><span style="font-family:arial;color:#006600;">--โครงสร้างแบบแหวน (Ring Topology) </span><br /><span style="font-family:arial;color:#006600;"><br /><span style="font-size:180%;"></span></span><br /><br /></span><div align="center"><strong><span style="font-family:arial;font-size:180%;color:#ffcc00;">ระบบเครือข่ายระดับเมือง</span></strong></div><br /><span style="font-family:arial;color:#006600;">ระบบเครือข่ายระดับเมือง (Metropolitan Area Network : MAN) หมายถึง การเชื่อมต่อ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ เป็นเครือข่ายขนาดกลาง ที่มีระยะทางการเชื่อมต่อไกลกว่า ระบบเครือข่ายท้องถิ่น (LAN) แต่ระยะทางยังคงใกล้กว่าระบบ WAN (Wide Area Network) ได้แก่เครือข่ายคอมพิวเตอร์ ที่เชื่อมต่อกันภายในเมืองเดียวกันหรือจังหวัดเดียวกัน ในเขตเดียวกัน ตัวอย่างเช่น เคเบิลทีวี</span><br /><p align="center"><strong><span style="font-family:arial;font-size:180%;color:#33ccff;">ระบบเครือข่ายระดับประเทศ</span></strong></p><p><span style="font-family:arial;color:#006600;"><span style="color:#33ccff;"><span style="color:#006600;">ระบบเครือข่าย WAN</span><br /></span>ระบบเครือข่ายแบบ WAN หรือระบบเครือข่ายระยะไกล จะเป็นระบบเครือข่ายที่เชื่อมโยงเครือข่ายแบบท้องถิ่นตั้งแต่ 2 เครือข่ายขึ้นไปเข้าด้วยกันผ่านระยะทางที่ไกลมาก โดยการเชื่อมโยงจะผ่านช่องทางการสื่อสารข้อมูลสาธารณะของบริษัทโทรศัพท์ หรือองค์การโทรศัพท์ของประเทศต่าง ๆ เช่น สายโทรศัพท์แบบอนาลอก สายแบบดิจิตอล ดาวเทียม ไมโครเวฟ เป็นต้น<br />ประเภทของเครือข่ายระยะไกล<br />เครือข่าย WAN สามารถแบ่งเป็นประเภทใหญ่ๆ คือ<br />1. เครือข่ายส่วนตัว (Private Network) เป็นการจัดตั้งระบบเครือข่ายซึ่งมีการใช้งานเฉพาะองค์กรที่เป็นเจ้าของเครือข่ายอยู่ เช่น องค์กรที่มีสาขาอาจทำการสร้างระบบเครือข่าย เพื่อเชื่อมต่อระหว่างสำนักงานใหญ่กับสาขาที่มีอยู่ เป็นต้น อย่างไรก็ดีในระดับกายภาพ (Physical Layer) ของการเชื่อมต่อแบบเครือข่ายส่วนตัวจะยังคงต้องใช้ช่องทางการสื่อสารข้อมูลสาธารณะ เช่น สายโทรศัพท์ สายเช่า ดาวเทียม เป็นต้น (เนื่องจากข้อกำหนดของประเทศต่างๆ โดยปกติแล้วจะไม่อนุญาตให้วางเครือข่ายเองได้) การจัดตั้งระบบเครือข่ายส่วนตัวมีจุดเด่นในเรื่องของการรักษาความลับของข้อมูล สามารถควบคุมดูแลเครือข่ายและขยายเครือข่ายไปยังจุดที่ต้องการ ส่วนข้อเสียคือในกรณีที่ไม่ได้มีการส่งข้อมูลต่อเนื่องตลอดเวลา จะเสียค่าใช้จ่ายสูงมากเมื่อเทียบกับการส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายสาธารณะและหากมีการส่งข้อมูลระหว่างสาขาต่างๆ จะต้องมีการจัดหาช่องทางสื่อสารเชื่อมโยงระหว่างแต่ละสาขาด้วย รวมทั้งอาจไม่สามารถจัดช่องทางการสื่อสารไปยังพื้นที่ที่ต้องการได้<br />2. เครือข่ายสาธารณะ (Public Data Network) เครือข่ายสาธารณะ (PDNs) หรือที่บางครั้งเรียกว่าเครือข่ายมูลค่าเพิ่ม (Value Added Network) เป็นระบบเครือข่ายระยะไกล (WAN) ซึ่งองค์กรที่ได้รับสัมปทานทำการจัดตั้งขึ้น เพื่อให้บุคคลทั่วไปหรือองค์กรอื่นๆ ที่ไม่ต้องการวางเครือข่ายเองสามารถแบ่งกันเช่าใช้งานได้ โดยการจัดตั้งอาจทำการวางโครงข่ายช่องทางการสื่อสารเอง หรือเช่าใช้ช่องทางการสื่อสารสาธารณะก็ได้ ระบบเครือข่ายสาธารณะจะนิยมใช้ในการเชื่อมต่อระบบเครือข่ายแบบ WAN กันมาก เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าการจัดตั้งเครือข่ายส่วนตัว สามารถใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาในการจัดตั้งเครือข่ายใหม่ รวมทั้งมีบริการให้เลือกอย่างหลากหลาย ซึ่งแตกต่างกันไปทั้งในส่วนของราคา ความเร็ว ขอบเขตพื้นที่บริการ และความเหมาะสมกับงานแบบต่างๆ<br />เครือข่าย Wan จะประกอบไปด้วยส่วนต่าง ๆ 4 ส่วนคือ<br />1. ส่วนแรก ได้แก่ อุปกรณ์ที่ใช้ต่อเชื่อม Lan เข้าด้วยกัน เช่น Bridge หรือ Router<br />2. ส่วนที่สอง คืออุปกรณ์ช่วยในการต่อเข้าสู่เครือข่าย Wan เป็นตัว Gateway เช่น โมเด็มในกรณีใช้บริการผ่านบริการผ่าน เครือข่ายโทรศัพท์หรือ Terminal Adapter ในกรณีใช้บริการ ISDN<br />3. ส่วนที่สาม ได้แก่ สื่อสัญญาณหรือ Media เช่น สายโทรศัพท์ คลื่นวิทยุ ฯลฯ<br />4. ส่วนที่สี่ คือ ส่วนของการบริการ Wan หมายถึง เครือข่ายของผู้ให้บริการในการเชื่อมต่อระยะไกล ๆ เช่น องค์กรโทรศัพท์ หรือการสื่อสาร (รวมทั้งผู้รับสัมปทานจากจากทั้งสองหน่วยงาน เช่น DataNet เป็นต้น </span></p><p align="center"><br /><strong><span style="font-family:arial;font-size:180%;color:#330099;">ระบบเครือข่ายแบบเท่าเทียม</span></strong></p><p align="center"><strong><span style="font-family:arial;font-size:180%;color:#330099;">(peer to peer Network)</span></strong></p><p><span style="font-family:arial;color:#006600;">ระบบเครือข่ายแบบ Peer to peer<br />ระบบเครือข่าย Peer-to-Peer คือ รูปแบบของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ในความหมายที่ว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งหมดบนเครือข่าย คือ Peer (ท่า) ที่มีความเท่าเทียมกัน โดยที่เครื่องแต่ละเครื่องหรือเครื่องทั้งหมดในเครือข่ายสามารถที่จะเป็นทรัพยากรของระบบ และมีหน้าที่จัดเตรียมไฟล์ เครื่องพิมพ์ หรือแม้แต่เป็นที่เก็บข้อมูลให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ในขณะเดียวกันเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งหมดนี้จะต้องมีขีดความสามารถในการทำงานได้ด้วยตนเอง โดยมีทรัพยากรอยู่ภายในเครื่อง เช่น ดิสต์สำหรับเก็บข้อมูล มีหน่วยความจำและหน่วยประมวลผลที่เพียงพอ เพื่อทำให้เครื่องสามารถทำงานได้อย่างอิสระ (Stand alone) ได้ ตัวอย่างระบบปฏิบัติการที่สนับสนุนเครือข่ายแบบ Peer-to-Peer ได้แก่ Windows Workstation ระบบเครือข่ายแบบ Peer-to-Peer มีความง่ายในการจัดตั้ง ราคาถูก และสะดวกต่อการบริหารจัดการ ข้อเสียของระบบนี้คือ การถูกจำกัดด้วยขนาด และไม่มีการออกแบบในเรื่องการรักษาความปลอดภัยที่ดีพอ ผู้ใช้แต่ละรายต้องรับผิดชอบในการรักษาความปลอดภัยและบริหารจัดการเครื่องของตนเอง<br />BitTorrent เป็นเทคโนโลยี peer-to-peer หนึ่งที่ช่วยให้สมาชิกผู้ใช้ไคลเอ็นต์สามารถแบ่งปันไฟล์ขนาดใหญ่ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้อย่างสะดวกง่ายดาย ซึ่งทำให้มีผู้ใช้นิยมแบ่งปันไฟล์วิดีโอของภาพยนต์ตลอดจนไฟล์เพลงผ่านเครือข่ายของ BitTorrent เป็นจำนวนมากจนเกิดเป็นคดีละเมิดฯ ในช่วงที่ผ่านมา</span></p><p align="center"><strong><span style="font-family:arial;color:#006600;"><span style="font-size:180%;color:#000000;">ระบบเครือข่ายแบบพึ่งเครื่องบริการ</span></span></strong></p><p align="center"><strong><span style="font-family:arial;color:#006600;"><span style="font-size:180%;color:#000000;">Client/Server</span> </span></strong></p><p><span style="font-family:arial;color:#006600;">ระบบเครือข่ายแบบ Client/Server เป็นระบบที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า และมีการใช้กันอย่างกว้างขวางมากกว่าระบบเครือข่ายแบบ Peer-to-Peer เนื่องจากสนับสนุนให้มีลูกข่ายได้เป็นจำนวนมาก และยังสามารถเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ได้หลายแพลตฟอร์ม(Platform) ระบบนี้สร้างขึ้นโดยมีเครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่เป็นศูนย์กลางจำนวน 1 เครื่องหรือมากกว่า เช่นเดียวกับระบบเครือข่ายแบบรวมศูนย์กลางคือมีการบริหารจัดการจากส่วนกลาง แต่ต่างกันตรงที่ระบบเครือข่าย Client/Server คือจะใช้เครื่องที่เป็นศูนย์กลางที่มีสมรรถนะน้อยกว่าแบบรวมศูนย์ เนื่องจากเครื่องลูกข่ายสามารถประมวลผลและมีพื้นที่จัดเก็บ</span></p><p align="center"><strong><span style="font-family:arial;font-size:180%;color:#666666;">ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต</span></strong></p><strong></strong><p align="left"><span style="font-family:arial;color:#006600;">อินเทอร์เน็ต (Internet) มาจากคำว่า Inter Connection Network ซึ่งก็คือ ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ชนิดหนึ่ง ที่มีขนาดใหญ่ครอบคลุมทั้งโลก มีคอมพิวเตอร์นับสิบล้านเครื่อง ต่อโยงถึงกัน เสมือนใยแมงมุม โดยใช้ โปรโตคอล (Protocol) หรือ มาตรฐานในการรับส่งข้อมูล ภาพ เสียง ที่มีชื่อว่า ทีซีพี/ไอพี (TCP/IP : Transmission Control Protocol / Internet Protocol) ซึ่งสามารถเลือก เส้นทางในการติดต่อ ได้หลายๆ เส้นทาง หรือจะเรียกได้ว่า เป็นการสื่อสารแบบไร้มิติ ไซเบอร์เสปซ (CyberSpace)<br /><br />ประโยชน์ของอินเทอร์เน็ต<br />1. เป็นแหล่งข้อมูลที่ลึก และกว้าง เพราะข้อมูลถูกสร้างได้ง่าย แม้นักเรียน หรือผู้สูงอายุก็สร้างได้<br />2. เป็นแหล่งรับ หรือส่งข่าวสาร ได้หลายรูปแบบ เช่น mail, board, icq, irc, sms หรือ web เป็นต้น<br />3. เป็นแหล่งให้ความบันเทิง เช่น เกม ภาพยนตร์ ข่าว หรือห้องสะสมภาพ เป็นต้น<br />4. เป็นช่องทางสำหรับทำธุรกิจ สะดวกทั้งผู้ซื้อ และผู้ขาย เช่น e-commerce หรือบริการโอนเงิน เป็นต้น<br />5. ใช้แทน หรือเสริมสื่อที่ใช้ติดต่อสื่อสาร ในปัจจุบัน โดยเสียค่าใช้จ่าย และเวลาที่ลดลง<br />6. เป็นช่องทางสำหรับประชาสัมพันธ์สินค้า บริการ หรือองค์กร</span></p><p align="center"><br /><strong><span style="font-family:arial;font-size:180%;color:#330000;">ระบบเครือข่ายอินทราเน็ต</span></strong></p><p align="left"><span style="font-family:arial;color:#006600;">อินทราเน็ต(Intranet) คือ ระบบเครือข่ายภายในองค์กร เป็นบริการ และการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เหมือนกันอินเทอร์เน็ต แต่จะเปิดให้ใช้เฉพาะสมาชิกในองค์กรเท่านั้น เช่น อินทราเน็ตของธนาคารแต่ละแห่ง หรือระบบเครือข่ายมหาดไทย ที่เชื่อมศาลากลางทั่วประเทศ เป็นต้น เป็นการสร้างระบบบริการข้อมูลข่าวสาร ซึ่งเปิดบริการคล้ายกับอินเทอร์เน็ตเกือบทุกอย่าง แต่ยอมให้เข้าถึงได้เฉพาะคนในองค์กรเท่านั้น เป็นการจำกัดขอบเขตการใช้งาน ดังนั้นระบบอินเทอร์เน็ตในองค์กร ก็คือ "อินทราเน็ต" นั่นเอง แต่ในช่วงที่ชื่อนี้ยังไม่เป็นที่นิยม ระบบอินทราเน็ต ถูกเรียกในหลายชื่อ เช่น Campus network, Local internet, Enterprise network เป็นต้น<br />ประโยชน์ของการนำอินทราเน็ตเข้ามาประยุกต์ใช้ คือ<br />1. การสื่อสารเป็นแบบสากล ผู้ใช้ระบบอินทราเน็ตสามารถส่งข่าวสารในรูปของ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นมาตรฐานสากลระหว่างผู้ร่วมงานภายในหน่วยงานและผู้ใช้อินเตอร์เน็ต ซึ่งอยู่ภายนอกหน่วยงานได้<br />2. อินทราเน็ตใช้มาตรฐานเครือข่าย และโปรแกรมประยุกต์ได้เช่นเดียวกับเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ซึ่งมีใช้อย่างแพร่หลาย และผ่านการยอมรับให้เป็นมาตรฐานตามความนิยมไปโดยปริยาย โดยมีทั้งผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ให้เลือกใช้ได้หลากหลาย<br />3. การลงทุนต่ำ ด้วยความต้องการด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์คล้ายคลึงกับที่ใช้ในเครือข่ายอินเตอร์เน็ตซึ่งมีผลิตภัณฑ์ให้เลือกมากมายและราคาต่ำ จึงทำให้ค่าใช้จ่ายการวางระบบเครือข่ายต่ำกว่าเมื่อเทียบกับ ค่าใช้จ่ายที่ต้องลงทุนกับระบบอื่น ๆ<br /><br />4. ความน่าเชื่อถือ เทคโนโลยีที่ใช้นั้นได้ผ่านการทดลองใช้และปรับปรุง จนกระทั่งอยู่ในสถานภาพที่มีความเชื่อถือได้สูง<br />5. สมรรถนะ สามารถสื่อสารข้อมูลรองรับการส่งข้อมูลที่ประกอบด้วย ข้อความ ภาพและเสียงได้</span></p><p align="center"><br /><strong><span style="font-family:arial;font-size:180%;color:#993399;">ระบบเครือข่ายเอ็กซ์ทราเน็ต</span></strong></p><p align="left"><span style="font-family:arial;color:#ffcccc;"><span style="color:#006600;">เอ็กซ์ทราเน็ต (Extranet) หรือเครือข่ายภายนอกองค์กร ก็คือระบบเครือข่ายซึ่งเชื่อมเครือข่ายภายในองค์กร (INTRANET) เข้ากับระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ภายนอกองค์กร เช่น ระบบคอมพิวเตอร์ของสาขาของผู้จัดจำหน่าย หรือของลูกค้า เป็นต้น โดยการเชื่อมต่อเครือข่ายอาจเป็นได้ทั้งการเชื่อมต่อโดยตรง (Direct Link) ระหว่าง 2 จุด หรือการเชื่อมต่อแบบเครือข่ายเสมือน (Virtual Network) ระหว่างระบบเครือข่าย Intranet จำนวนหลายๆ เครือข่ายผ่านอินเทอร์เน็ตก็ได้<br />ระบบเครือข่ายแบบเอ็กซ์ทราเน็ต โดยปกติแล้วจะอนุญาตให้ใช้งานเฉพาะสมาชิกขององค์กร หรือผู้ที่ได้รับสิทธิในการใช้งานเท่านั้น โดยผู้ใช้จากภายนอกที่เชื่อมต่อเข้ามาผ่านเครือข่ายเอ็กซ์ทราเน็ต อาจถูกแบ่งเป็นประเภทๆ เช่น ผู้ดูแลระบบ สมาชิก คู่ค้า หรือผู้สนใจทั่วๆ ไป เป็นต้น ซึ่งผู้ใช้แต่ละกลุ่มจะได้รับสิทธิในการเข้าใช้งานเครือข่ายที่แตกต่างกันไป<br />เครือข่ายเอ็กซ์ทราเน็ตเป็นเทคโนโลยีเครือข่ายที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมาก เนื่องจากแนวโน้มการใช้งานเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่เริ่มมีการนำมาใช้ในเชิงพาณิชย์มากขึ้นเรื่อยๆ เช่น การเปิดร้านค้าบนอินเทอร์เน็ต หรือการเปิดบริการข้อมูลข่าวสารต่างๆ เป็นต้น ซึ่งบริการเหล่านี้จะต้องมีการเชื่อมต่อกับบุคคลและเครือข่ายภายนอกองค์กรจำนวนมาก จึงต้องมีระบบการจัดการการเชื่อมต่อเครือข่ายภายนอกที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยที่ดี<br /></span><br /></span></p>ploy_beethttp://www.blogger.com/profile/12191122452414013881noreply@blogger.com0